UnTold
Story:
Light in The Boat
(BNior)
“นี่ นายรู้ไหม เรื่องเล่าเกี่ยวกับบึงหลังมหาลัยของเรากระฉ่อนไปใหญ่แล้วนะ”
ใบหน้าหวานเงยขึ้นมามองคนพูดแล้วขยับท่านั่งให้สบายมากขึ้น
ร่างโปร่งกระซิบกระซาบเรื่องที่ได้ยินมาขณะทรุดตัวลงนั่งข้างๆเพื่อกินข้าวกับเขา พัคจินยองได้แต่ยักไหล่แล้วจัดการกับอาหารเที่ยงตรงหน้าต่อไป
รู้สึกหลังๆเรื่องบึงลึกลับจะถูกเล่าเป็นทอดๆจนกลายเป็นประเด็นเด็ดที่สุดในตอนนี้ไปแล้ว
ตำนานสะเทือนขวัญในมหาวิทยาลัยนั้นมีอยู่ทุกที่
แต่ดูเหมือนว่ามหาลัยของเขาจะขึ้นชื่อเป็นพิเศษ โดยเฉพาะเรื่องบึงมรณะที่อยู่หลังตึกคณะศิลปกรรม
ว่ากันว่าใครเดินไปแถวนั้นตอนดึกๆจะเจอเรือพายลึกลับที่มีดวงไฟดวงใหญ่สว่างวาบอยู่ด้วย
มีหลายคนอยากจะลองดี บุกเข้าไปตอนกลางคืนก็เยอะ
และทุกคนที่กลับออกมาก็ไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้อีกเลย
มันเฮี้ยนจนกลายเป็นเรื่องน่ากลัวที่ไม่มีใครอยากจะเข้าไปยุ่งแล้ว...ก็ไม่รู้สินะ
คนไม่เจอกับตัวก็มักจะอยากรู้เสมอๆนั่นแหละ
“ยิ่งไปกว่านั้น”
ยองแจเล่าระหว่างเคี้ยวสาหร่ายไปด้วยเต็มปาก “เมื่อวานแบมแบมกับยูคยอมลงทุนไปพิสูจน์ด้วยตัวเองเลยนะ
เมื่อเช้าฉันเห็นมันสองคนดินหน้าซีดปากสั่นเข้ามาเลย ยูคยอมบอกว่าไม่ใช่แค่เรือกับดวงไฟนะ
แต่มีเงาอยู่บนเรือ กับเสียงเหมือน....เสียงครางแบบหวิวๆด้วย หยึยยยย”
คำอุทานสุดท้ายส่งผลให้เศษสาหร่ายพ่นออกมาเกลื่อนเต็มมือของเขา จินยองมองผงเค็มในมือนั่นแล้วก็ถอนใจ
เสียงครางหวิวๆเหรอ....
.
.
.
เรื่องนั้นเขารู้นานแล้วล่ะ
.
.
.
“แล้วยังไงต่อ สองคนนั้นเห็นอะไรอีก”
“จะเห็นอะไรได้ มืดออกอย่างงั้น มีแต่เงากับดวงไฟ
เรือก็อยู่ตั้งกลางน้ำคงไม่มีใครอุตริว่ายไปดูถึงในนั้นหรอก” คราวนี้ริมฝีปากแดงยกไม้โอเด้งขึ้นมากิน
“เสียดายนะ ที่ตรงนั้นออกจะสวย นายเองก็นั่งทำงานอยู่บ่อยๆจนถึงดึกไม่ใช่เหรอ
ไม่เคยเห็นบ้างเหรอ ผีน่ะ”
จินยองสั่นหน้าเบาๆ เขาเรียนเอกประติมากรรม
คณะศิลปกรรม จึงต้องทำงานปั้นจนดึกเสมอ ช่วงที่มีกิจกรรมคณะก็ครึกครื้นดีอยู่หรอก
แต่พอหมดช่วงแล้ว คณะของเขาแทบจะร้างจนเกือบไร้ผู้คน อาจเพราะมีนักศึกษาเรียนคณะนี้ไม่มากเท่าไหร่
เอาจริงๆที่ร้างก็น่าจะเป็นเพราะคนกลัวเรื่องเล่านี้ด้วย หลังหกโมงเย็น
คนในตึกก็หายกลับบ้านกันไปหมด อันที่จริงเขาก็กลัวเหมือนกันแหละ แต่จะให้ทำยังไง
การนั่งปั้นหุ่นอยู่คนเดียวมันสร้างสมาธิได้ดี
อีกอย่างเขาเองก็ชินกับหุ่นปูนปลาสเตอร์ทั้งหลายในห้องปั้นแล้ว
หุ่นพวกนี้น่ากลัวกว่าตั้งหลายเท่า...
ผีบนเรือกลางน้ำไม่เห็นน่ากลัวสักนิด
น่าหมั่นไส้ซะมากกว่า....
ดวงตาเรียวหันไปสบเข้ากับสายตาคมของใครอีกคนที่ชำเลืองมองเขาอยู่เงียบๆ
โรงอาหารที่จินยองนั่งกินกับยองแจนั้นเป็นโรงอาหารกลางระหว่างคณะศิลปกรรมและสถาปัตยกรรม
ทุกครั้งที่นักศึกษาสองคณะนี้มากินข้าวเที่ยง ชายหนุ่มก็มักจะเห็นสายตาคมปลาบที่ฉายแววลึกลับมองเขากลับมาเสมอ...
“มองอะไร จินยอง”
ยองแจมองซ้ายมองขวาเมื่อเห็นตาของเพื่อนรักหรี่ลงเหมือนกับจะโต้ตอบใคร
มองรอบๆตัวก็ไม่มีอะไรเลยนี่นา สงสัยจะคิดมากไปเอง
เรื่องผีนี่แหละวนไปมาในหัวจนเขาไม่เป็นอันทำอะไรแล้ว
“ไม่มีอะไร ฉันไปเรียนก่อนนะ
วันนี้ไม่ต้องรอนะยองแจ ฉันคงนั่งทำงานถึงดึก” จินยองตอบสั้นๆ
ริมฝีปากแดงเม้มนิดๆแล้วลุกไปเก็บจานก่อนจะเดินจากไป
ทั้งคู่เป็นเพื่อนสนิทและเป็นรูมเมทกันด้วย บ่อยครั้งที่จินยองทำงานจนดึก
ยองแจก็เลยต้องกลับหอคนเดียว ซึ่งก็ดีแล้ว เขาก็ไม่อยากจะต้องมานั่งรออีกฝ่ายหรอก
เรื่องอะไรจะต้องไปนั่งที่ตึกศิลปกรรมให้ขนหัวลุกกันล่ะ!
.
.
.
มืดแล้ว...
ตามสูตร...ทุกคนบนตึกกลับบ้านกันหมด
โดยเฉพาะช่วงที่มีเรื่องผีเล่ากันปากต่อปากแบบนี้
แม้แต่คนในคณะเองก็ยังกลัวจนหายหัวไปกันเกลี้ยง เหลือแต่เพียงร่างโปร่งที่นั่งปั้นปูนปลาสเตอร์อยู่เงียบๆ
จินยองอาจจะเป็นคนใจแข็งกว่าที่คิด นอกจากเรื่องผีจะทำอะไรเขาไม่ได้แล้ว
ตัวของผีเองก็ยังทำให้เขาหมั่นไส้อยู่บ่อยๆด้วย..
.
.
เป็นผีที่เรื่องมากจริงๆเลยนะ....
นักศึกษาหนุ่มบิดขี้เกียจเล็กน้อยขณะมองผลงานตัวเองด้วยความพอใจ
เมื่อเสร็จแล้วเขาก็เดินไปล้างมือ
ปลดผ้ากันเปื้อนและจัดการดับไฟในห้องให้เรียบร้อยก่อนจะสะพายเป้เดินออกไป
มือขาวๆก้มลงไปมองแอพพลิเคชั่นแชทที่สว่างวาบขึ้นมา
“รออยู่ที่เดิมนะ”
ข้อความในนั้นจุดรอยยิ้มให้กับริมฝีปากอิ่มสวยได้ไม่ยาก
จินยองเก็บมือถือเข้ากับกระเป๋ากางเกงแล้วเดินผิวปากออกไปทางหลังตึก จุดหมายของเขาก็คือบึงใหญ่ที่อยู่หลังคณะ
ที่ที่มีแต่คนร่ำลือกันถึงตำนานความสยองนั่นเอง
ที่มาเกิดจากเรื่องเล่าของนักศึกษาหนุ่มสาวคู่หนึ่งที่รักกันมากและชอบมาพายเรือเล่นที่บึงนี้
ในวันที่พวกเขาพายเรือเล่นกันอยู่นั้น ดูเหมือนว่าใต้ท้องเรือจะถูกอะไรบางอย่างกระแทกจนทำให้คว่ำลง
หนุ่มสาวสองคนนั้นจมหายไปอย่างลึกลับ กว่าจะมีคนพบศพก็อีกสามวันถัดมา
แม้การชันสูตรจะเผยว่าทั้งคู่แค่จมน้ำตาย
แต่ทุกคนที่พบเห็นศพบอกว่าเท้าของทั้งคู่ถูกพันเอาไว้ด้วยอะไรบางอย่างที่คล้ายกับเส้นผมคน.....หลังจากนั้นในช่วงค่ำคืน
ทุกๆคนจะเห็นเรือลำหนึ่งลอยอยู่กลางน้ำ
มีเงาสลัวของคนสองคนที่ว่ากันว่าเป็นผีหนุ่มสาวคู่นั้นและดวงไฟที่ลอยอยู่บนตัวทั้งคู่...แม้ตอนนี้จะยังพิสูจน์ไม่ได้
แต่ทุกๆคนที่พยายามจะพิสูจน์ก็ล้วนแต่กลับออกมาแบบขวัญหนีดีฝ่อแล้วก็ไม่กล้าพูดถึงเรื่องนี้อีกเลย....
“น่าเสียดาย ที่ตรงนี้ออกจะสวย”
เสียงหวานรำพึงเบาๆขณะสาวเท้าเข้าไปใกล้บึงมากขึ้น บริเวณนั้นมีแสงไฟสลัวจากเสาไฟที่ตั้งอยู่กลางความมืด
ริมน้ำที่หญ้าเริ่มขึ้นจนเกือบรกสะท้อนแสงจันทร์เป็นประกายสวยแต่ก็ดูสั่นไหวจนน่ากลัว
ที่ตรงนี้สวยจริงๆถ้าไม่ติดว่าหญ้ารกจนเกินเหตุ ใจจริงเขาก็อยากจะถางหญ้าตัดหญ้าให้มันกลับมาสวยเหมือนเดิมหรอก
แต่ลำพังตัวคนเดียวทำได้ซะที่ไหน ชวนใครก็ไม่อยากมา ต่อให้เป็นตอนกลางวันก็เถอะ
แค่ผีในเรือมันน่ากลัวตรงไหนกันนะ...
ระหว่างที่กำลังใจลอย
มือยาวของใครคนหนึ่งก็ยื่นมาจับข้อเท้าของเขาเอาไว้ ชายหนุ่มสะดุ้งเฮือกแล้วมองไปที่ข้อเท้าของตัวเองทันที
เงาดำๆบนพื้นหญ้าส่งยิ้มอย่างลึกลับให้เขา
ดวงตาคมปลาบที่จ้องมองมานั้นทำให้ร่างน้อยไหวสะท้านเหมือนอย่างเคย....
“นี่...ผี...”
นักศึกษาหนุ่มกวาดเท้าอีกข้างไปยันเงาบนพื้นเบาๆ “บอกแล้วไงว่าอย่าทำแบบนี้
คิดว่าฉันจะกลัวหรือไง”
“มาช้าจัง” ผีบ่น
“ฉันรอนายจนหลับไปสามสี่รอบแล้ว งานเสร็จช้าเหรอ”
“อืม..”
อีกฝ่ายตอบแล้วฉุดร่างนั้นให้ยืนขึ้นมา “ผสมปูนผิดนิดหน่อยก็เลยต้องแก้นาน
ถ้ารอจนเมื่อยแล้วทำไมไม่ไปนั่งเรือเล่นก่อน”
“นั่งคนเดียวไม่สนุก”
อีกฝ่ายอมยิ้มแล้วก้มลงจูบริมฝีปากแดงสวยอย่างรวดเร็ว “รอคนมาพายเรือด้วยกัน
แล้วก็ส่งเสียงแบบเมื่อวานอีก...”
“ไอ้คนขี้แกล้ง” จินยองทุบอกคนตรงหน้าเบาๆ
“นายรู้ใช่มั้ยว่าคนที่มาเมื่อวานเป็นรุ่นน้องของฉัน นายเลยแกล้งฉันมากกว่าเดิม
ใช่มั้ย อิมแจบอม”
“ก็ไม่เชิงนะ
แต่ก็สนุกดีตอนที่ได้ยินพวกนั้นร้องกรี๊ด ฟังดูเหมือนแต๋วแตก” แจบอมยิงฟันขาวแล้วจูงมือบางไปขึ้นเรือ
หน้าที่พายเป็นของเขา ส่วนจินยองใช้ไฟแช็คจุดกับไต้ของตะเกียงในเรือให้ส่องเป็นแสงสลัวเหมือนอย่างที่พวกเขาเคยทำ...
ตำนานสยองขวัญนั่นไม่มีจริงหรอก....ผีในเรืออะไรก็ไม่มีทั้งนั้น
นักศึกษาหนุ่มเพิ่งรู้ความจริงในข้อนี้หลังจากที่เขาเดินมานั่งอ่านหนังสือเงียบๆข้างบึงแล้วเจอเข้ากับอิมแจบอม
นักศึกษาปีสามคณะสถาปัตยกรรมคนนั้น...คนที่มีสายตาคมปลาบทุกครั้งยามเมื่อจ้องมองเขา
สะกดเขาจนหันไปมองที่อื่นไม่ได้ และท้ายที่สุดยังขโมยหัวใจของเขาไปอีกด้วย...
สาเหตุที่จินยองรู้ความจริงก็คือเรื่องราวที่แจบอมเล่าให้ฟังตั้งแต่ตอนที่ทั้งคู่คบกันใหม่ๆ
เจ้าของตำนานก็คือพ่อของแจบอมนั่นแหละ คนที่สร้างเรื่องนี้ขึ้นมาก็คือพ่อของเขา
ซึ่งเป็นศิษย์เก่าของคณะศิลปกรรมที่นี่
ด้วยความคะนองในสมัยก่อนก็เลยสร้างเรื่องขึ้นมาเรื่องหนึ่ง
กะจะให้เป็นตำนานเล่าสู่กันฟังเล่นๆ
เมื่อคนเชื่อกันจริงจังก็เลยปล่อยเลยตามเลยจนกลายเป็นตำนานประจำคณะและมหาวิทยาลัยไปในที่สุด
หลังจากรู้เรื่องนี้แล้ว จินยองก็ไม่กลัวอีกเลย มิหนำซ้ำยังเล่นพิเรนตามแจบอมไปด้วยนั่นก็คือการพายเรือเล่นกันในบึงสองต่อสองตอนกลางคืน....มันน่าจะเป็นเรื่องปกติถ้าแจบอมไม่ทำกับเขามากกว่าแค่พายเรือ...
พ่อว่าแผลงแล้ว
คนเป็นลูกกลับเล่นอะไรแผลงๆยิ่งกว่า....
.
.
ก็บอกแล้วว่าผีน่ะน่าหมั่นไส้!
.
.
“คิดถึงนะ” แจบอมขยับมาใกล้ๆแล้วส่งเสียงกระซิบแผ่วเข้ากับใบหูขาวๆของเขา
ใครจะไปคิดว่าประธานคณะกรรมการนักศึกษาหนุ่มสุดฮอตที่มีแฟนคลับเต็มมหาวิทยาลัยอย่างอิมแจบอมจะชอบเล่นอะไรบ้าบอแบบนี้
ต่อหน้าทั้งคู่จะทำเป็นไม่รู้จักกัน เพราะหน้าที่และการเรียนทำให้ไม่มีเวลา
และไม่สามารถเปิดเผยสถานะของกันและกันให้คนอื่นรู้ได้ แจบอมกับจินยองจึงเลือกใช้สถานที่นี้เป็นที่สำหรับเดท...ถ้าจะเรียกแบบนั้นได้นะ...
“คิดถึงอะไร เมื่อวานก็เจอกันแล้ว
ตอนกลางวันก็เจอกัน” แก้มใสขึ้นสีชมพูเรื่อๆเมื่อโดนอีกฝ่ายจุ๊บเข้าไปหนึ่งที
อันที่จริงอยู่ด้วยกันในที่แบบนี้ก็ไม่เลวร้ายนัก ต้องขอบคุณตำนานสุดสยองของคุณพ่อแจบอมด้วยที่ทำให้เขามีโอกาสได้อยู่กับแจบอมแค่สองคน
“ยังไม่พอหรอก”
นิ้วเรียวยาวเริ่มแกะกระดุมเสื้อคนตรงหน้าทีละน้อย ก่อนจะประทับจูบลงไปแผ่วเบาจนจินยองต้องกัดริมฝีปากเอาไว้ด้วยความอดกลั้นแบบสุดๆ
“รู้ไหมว่าฉันอยากจะอยู่กับนายตลอดเวลา ทุกครั้งที่เห็นคนอยู่รอบตัวนาย
ฉันก็อยากจะกระชากคนพวกนั้นออกไปให้หมดแล้วจับโยนลงน้ำรายตัวเลย”
“จะบ้าเหรอ นั่นเพื่อนฉันทั้งนั้นนะ...” ริมฝีปากอิ่มเผยอน้อยๆส่งเสียงค้าน
แต่ก็ถูกคนตรงหน้าจูบปิดปากไปอีกรอบ ร่างบางถูกดันลงไปที่พื้นเรือซึ่งปูเอาไว้ด้วยผ้าผืนหนานุ่ม
แล้วอิมแจบอมก็รุกรานร่างขาวๆนี้ทีละนิด ไม่สนใจฟังเสียงค้านที่ร้องหงุงหงิงอยู่ข้างๆ
ปลายลิ้นอุ่นแตะลงไปทุกตารางนิ้วบนอกของคนใต้ร่าง
จริงๆแล้วทั้งคู่ไม่ได้นัดพบกันที่นี่ที่เดียวหรอก เขากับจินยองคบกันมานานเป็นปีๆ
ไปเดทกันข้างนอกหรือนอนด้วยกันข้างนอกหอก็บ่อย
มีแค่ช่วงหลังๆที่ดูเหมือนตำนานผีกลางบึงจะกลับมาฮิตอีกครั้ง
พวกเขาก็เลยหาอะไรเล่นสนุกๆแก้เครียดเท่านั้นเอง
“จะเป็นใครก็ช่าง
ฉันไม่อยากให้ใครมายุ่งกับเรื่องของเรา ฉันหวงนาย ฉันไม่อยากให้ใครมองนาย
เข้าใจมั้ย จินยอง”
“อ...อื้อออ...ข..เข้าใจแล้ว”
“ไหน...คนดี....ร้องให้ดังๆกว่านี้หน่อยได้มั้ย”
“จ...แจบอม....อ...อื๊ออออออ”
“ครั้งสุดท้ายแล้วนะ ฉันสัญญา
จากนี้ต่อไปฉันจะไม่พานายมาที่นี่อีกแล้ว” ชายหนุ่มให้คำมั่นระหว่างมอบความรักให้กับอีกฝ่ายเท่าที่เขาจะทำได้
บนเตียงนิ่มๆมันต้องมีความสุขมากกว่าอยู่แล้ว ถ้าไม่เห็นแก่เขา จินยองก็คงไม่ยอมให้ทำอะไรแผลงๆแบบนี้แน่ๆ
ครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายจริงๆ หลังจากนี้
ผีบนเรือจะไม่กลับมาทำให้ใครต่อใครกลัวอีกแล้ว...
.
.
“แจบอม...ฉ..ฉัน...อ๊า.....”
.
.
“ห...เห็นมั้ย มีเสียงครางออกมาด้วย
บรื๋อสสว์ววสสส” เสียงหวานๆของยองแจอุทานออกมาด้วยความกลัว
วันนี้เขามีคลาสพิเศษกะทันหันก็เลยต้องอยู่เรียนถึงเย็น เสร็จแล้วกะจะมาตามจินยองแต่ก็ไม่กล้ามาคนเดียวจนต้องลากแจ็คสันเพื่อนสนิทตามมาด้วย
แต่แทนที่จะได้เจอกับจินยอง ทั้งคู่กลับเจอผีกลางบึงเข้าแทน
แถมยังมีเสียงครางหวีดหวิวออกมาจากในนั้นเหมือนที่แบมแบมกับยูคยอมยืนยันไม่มีผิด....
“นายพาฉันมา...ท...ทำไม..” แจ็คสันขาสั่นพั่บๆ
“ก...กลัวจะตาย...ล...แหล่ว”
“ไปกันเถอะ” ยองแจฉุดแขนอีกฝ่ายรัวๆ “จินยองนะจินยอง..กลับแล้วก็ไม่ยอมบอก...ร..รู้งี้ไม่มาที่นี่ดีกว่า...ฮ..ฮืออออออ” เมื่อตั้งสติได้
ทั้งสองคนก็รีบวิ่งออกไปจากตรงนั้นอย่างรวดเร็วโดยไม่คิดจะหันกลับมามองอีก...
.
.
.
แต่ดูเหมือนผีบนเรือทั้งคู่จะอยู่ในโลกของตัวเองจนไม่สนใจแล้วว่าใครจะผ่านมาเห็นเข้า....
END
-------------------------------------------------------------------
เป็นฟิคตอนที่นั่งอ่านตำนานน่ากลัวของมหาลัย
ของคณะเราก็มี แต่เป็นอย่างที่เขียนในฟิคเลย
คือมันไม่ใช่เรื่องจริงแต่เป็นเรื่องที่รุ่นพี่สร้างขึ้นมาเพื่อใช้รับน้อง
แล้วก็เป็นประเพณีมาเรื่อยๆ แต่บางส่วนก็พ้องกับเหตุการณ์จริงนะ
คนที่สงสัยว่าทำไมอ่ะแฮร้กันในเรือได้ คือแบบ
เรือมันก็ใหญ่และโครงสร้างหนาพอสมควรอ่ะค่ะ อย่างในรูป ไม่ใช่เรือบดลำกระติ๊ด
แหะๆๆๆๆๆๆๆ เป็นฟิคที่ปรับมาจากการแต่งของวงอื่นอีกที ลองลงให้อ่านกันเล่นๆ แต่ถ้าใครอยากเม้ามอยหรือแท็กก็เมนชั่นมาได้ที่ @falsetto0106 กับ #ficsetto ได้ค่า^^
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น