วันจันทร์ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2560

[OS] Scarlet Snow





-Scarlet Snow-

(BNior)





สีขาวของหิมะเป็นสีที่บริสุทธิ์....ผมมองมันแบบนั้นเสมอมา แต่ผมไม่เคยรู้เลยว่าจริงๆแล้วหิมะนั้น ถึงมันจะมีสีขาว ก็ไม่ได้แปลว่ามันบริสุทธิ์.....


นาฬิกาข้อมือของผมบอกเวลาเที่ยงตรงแล้ว นั่นหมายความว่าผมจำเป็นต้องหยุดทุกสิ่งทุกอย่างชั่วคราวเพื่อไปรับใครคนหนึ่งมากินข้าวกลางวันด้วยกันเหมือนที่ทำเป็นกิจวัตร แต่เนื่องจากตอนนี้เป็นช่วงหน้าหนาว ผมจึงไม่จำเป็นต้องรีบมากเพราะดูเหมือนว่าเขาจะรักการอยู่กับหิมะมากกว่าอยู่กับผมเสียอีก


ผมชอบมองเวลาที่เขายืนอยู่ท่ามกลางหิมะสีขาวพวกนั้น มันเป็นภาพที่สวยจริงๆเพราะเขาเหมาะกับหิมะเอามากๆ ทั้งที่เขาและผมเกิดวันเดียวกัน.....ใช่ วันคริสต์มาส.....ในหน้าหนาว....วันที่หิมะดูสวยยิ่งกว่าวันไหนๆ......เขาบริสุทธิ์เหมือนกับหิมะในขณะที่ตัวผมไม่มีอะไรบ่งบอกได้เลยว่าเป็นผู้ชายหน้าหนาว บางทีผมอาจจะดูแข็งแกร่งเกินไป ถึงได้ดูไม่เหมาะกับหิมะเอาเสียเลย.....


นายไม่มีความอ่อนโยนเลยนะแจบอม เขาเคยบอกกับผมว่าอย่างนั้น หิมะตรงข้ามกับนายทุกอย่างเลย แต่แปลก ถึงยังไงนายก็ยังดูกลมกลืนกับหิมะอยู่ดี


นั่นเป็นเพราะฉันเกิดวันเดียวกับนายไงล่ะผมตอบเขา แค่ออร่าจากตัวนายก็ทำให้ฉันหนาวไปทั้งปีแล้ว ผมพูดและนั่นก็ทำให้เขาหัวเราะเบาๆด้วยความพอใจ แม้จะเกิดในฤดูหนาว แต่เขาก็ไม่ได้เย็นชา เขาไม่ได้แข็งเหมือนน้ำแข็ง ตรงกันข้าม เขาอ่อนโยนและนุ่มนวล ไม่มีครั้งไหนเลยที่ผมจะเห็นเขาโกรธ เขาไม่เคยโมโหใคร เขาไม่เคยว่าร้ายใคร ตลอดหลายปีที่ผมรู้จักกับเขา เขามักจะอ่อนโยนแบบนี้เสมอ....


จินยอง ฉันพักเที่ยงแล้วนะ ผมบอกเขาและเก็บเอกสารบนโต๊ะให้เป็นระเบียบเรียบร้อยไปด้วย ทันทีที่เขาบอกว่าพร้อม ผมก็จะไปรับเขาทันที


อีกครึ่งชั่วโมงมารับฉันได้ไหม หลังเที่ยงมีงานอีกรึเปล่า เสียงนุ่มๆตอบกลับมาทำให้ผมอดยิ้มไม่ได้ เขาถามผมแบบนี้ทุกครั้ง และถ้าวันไหนผมไม่ว่าง เขาก็จะไม่เซ้าซี้ให้ผมไปรับเขา


นายคิดว่าฉันเป็นใครกัน ฉันประธานอิมนะ ผมโม้ ถ้าฉันจะเบี้ยวซะอย่าง ใครก็ว่าฉันไม่ได้หรอก


พ่อประธานใหญ่... น้ำเสียงของจินยองดูเหมือนจะหมั่นไส้นิดๆ ใช่สิ ฉันมันเจ้าของร้านดอกไม้ต๊อกต๋อยนี่นะ วันๆต้องเฝ้าร้าน ทิ้งงานไปไหนมาไหนไม่ได้อย่างนาย แจบอม....ในเมื่อนายว่างมาก ทิ้งงานมาช่วยฉันขายดอกไม้เอาไหมเขาพูดทีเล่นทีจริง


ก็ไม่แน่ ผมตอบอย่างไว้เชิง แต่ถ้าเกิดฉันแพ้เกสรดอกไม้ของดอกอะไรสักอย่างในร้านนายแล้วเดี้ยงไปล่ะ จะทำยังไง กิจการฉันไม่พังหมดหรือ


นายแพ้ดอกทิวลิปแค่อย่างเดียว เขาท้วง และร้านฉันก็ไม่มีดอกทิวลิปด้วย


จินยองก็ยังเป็นจินยอง...ผมคิด เขาใส่ใจรายละเอียดทุกอย่างเกี่ยวกับตัวผม อะไรที่ผมไม่ชอบ เขาก็จะทำเหมือนว่าของสิ่งนั้นไม่มีอยู่ในโลกนี้ อะไรที่ผมชอบ เขาก็จะหามาให้ผมเสมอๆ  มันเป็นแบบนี้ตลอดมา นี่เป็นข้อดีอีกข้อหนึ่งของจินยองที่ทำให้ผมยอมรับในตัวเขา แม้ว่าผู้ชายคนนี้จะเป็นคนเงียบๆ ไม่ชอบพูดคุยกับใคร แต่เขาก็จำรายละเอียดทุกอย่างรอบตัวเขาได้หมดและยังเผื่อแผ่ไปถึงคนรอบข้างอีกด้วย


จินยองรู้ทุกอย่างว่าผมชอบอะไร ผมเองก็รู้ว่าเขาชอบอะไร.......


ในชีวิตของเขาไม่เคยชอบอะไรมากไปกว่าหิมะ อย่างเดียวในชีวิตที่เขาชอบก็คงจะมีแต่หิมะเท่านั้น...ผมว่างั้นนะ...


เอาเป็นว่าอีกครึ่งชั่วโมงเจอกันนะ ผมตัดบท เดี๋ยวฉันไปรับที่ร้าน แล้วเจอกัน



ผมก้าวลงมาจากตึกแล้วมองออกไปรอบๆตัว หน้าหนาวนี่อะไรก็ดีหมดยกเว้นเวลาที่หิมะตกมากๆ....น่ารำคาญตรงที่เราต้องคอยระวังไม่ให้ลื่นเวลาที่มันเริ่มละลาย หรือถ้ามันตกหนักๆ ทัศนียภาพตอนขับรถก็ไม่ดีเหมือนกัน ผมเคยบ่นให้จินยองฟังอยู่บ่อยๆว่ารำคาญหิมะที่ตกหนักๆเพราะมันทำให้ผมต้องขับรถช้าลงกว่าเดิมเกือบเท่าตัว เขาไม่ว่าอะไรนอกจากกำหมัดแล้วชกเข้ามาที่แขนของผมเบาๆ


พูดแบบนี้ไม่สมกับที่เกิดวันคริสต์มาสเลย เขาติ นายน่าจะชอบมันให้มากๆนะ ฉันว่าหิมะเนี่ยทำให้เราเย็นลงได้เยอะเลย พอมองมันปุ๊บก็สงบปั๊บ ดูสิ สบายตาจะตาย


ต้องเย็นลงแหงอยู่แล้ว ก็มันเป็นหิมะนี่ ผมกวนเขา นายไม่ต้องขับรถบ่อยๆแบบฉัน นายก็ไม่รำคาญสิ

ก็ฉันมีนายขับให้นี่นา เขาหัวเราะลั่น เรื่องอะไรฉันจะต้องลำบากขับเองล่ะ สายตาฉันไม่ค่อยดีนายก็รู้


จินยองเป็นคนที่บอบบางและอ่อนแอ ตั้งแต่วันที่ผมรู้จักเขา เขาก็เป็นแบบนั้นเสมอ แม้เขาจะอ่อนโยนและนุ่มนวล แต่ผมก็รู้ว่าข้างในของเขาไม่ใช่แบบนั้น


บ่อยครั้งที่จินยองมักจะมองออกไปนอกหน้าต่างแล้วถอนหายใจ เหมือนกับจมอยู่ในห้วงความคิดของตัวเอง ปิดตายตัวเองและไม่เปิดรับอะไรอีก ผมรู้มาว่าเขามีปัญหากับครอบครัว แต่ผมไม่รู้ว่ามันคืออะไร ทุกครั้งที่พูดถึงเรื่องนี้ จินยองจะเปลี่ยนไปเป็นอีกคนที่ผมไม่เคยรู้จัก.....เขาดูเงียบเหงา อ้างว้าง และเดียวดาย


ผมขับรถมาจอดที่หน้าร้านของเขาก่อนจะเดินเข้าไปข้างใน แต่อะไรบางอย่างบอกผมว่าวันนี้บรรยากาศในร้านแปลกไปจากที่เคย มันหม่นหมองและหดหู่อย่างประหลาด ผมสงสัยว่าอาจเกิดอะไรขึ้นกับเขา แต่ก็ไม่น่าใช่ เพราะเมื่อกี้ที่คุยกัน เสียงของจินยองยังสดใสอยู่เลย.....


มาแล้วเหรอ เสียงนุ่มๆของจินยองทักทายผมทันทีที่ได้ยินเสียงกระดิ่งหน้าร้าน เมื่อผมเปิดประตูเข้าไปก็เห็นเขากำลังรออยู่ จินยองไม่ได้อยู่คนเดียว ข้างๆเขามีผู้ชายอีกคนยืนอยู่ด้วย แต่ให้ตายเหอะ ผมไม่คิดว่าเขาจะไว้ใจได้หรอกนะ ผู้ชายคนนี้มีอะไรประหลาดๆที่ผมคาดเดาไม่ได้อีกเช่นกัน และนั่นก็คงจะเป็นเหตุผลว่าทำไมวันนี้ร้านดอกไม้ของเพื่อนผมถึงดูหดหู่นัก


เหมือนจินยองจะดูออกว่าผมกำลังคิดอะไร เขาจึงแนะนำผู้ชายคนนั้นก่อนที่ผมจะเป็นฝ่ายถามด้วยตัวเอง


นี่พ่อเลี้ยงของฉันเอง.....พ่อครับ นี่เพื่อนผม แจบอม...อิมแจบอม... เขาแนะนำผมให้ชายคนนั้นรู้จัก เสียงนุ่มๆของจินยองซ่อนอะไรบางอย่างเอาไว้เวลาที่เขาพูดกับตาแก่นั่น....ไม่หรอก ความจริงผู้ชายคนนี้ก็ไม่แก่มากเท่าไหร่ เขายังดูแข็งแรงและสุขภาพดี แต่นั่นไม่ช่วยทำให้ผมมองเขาในทางที่ดีขึ้นเลยเพราะเมื่อเห็นสายตาของจินยองที่มองเขา ผมก็รู้ทันทีว่าเพื่อนของผมก็คงไม่รู้สึกดีกับคนคนนี้เท่าไหร่นัก


สวัสดีครับ ผมได้ยินเสียงตัวเองตอบออกไป ผมเป็นเพื่อนสนิทของจินยองครับ


ผู้ชายหน้าพิลึกนั่นมองผมด้วยสายตาแปลกๆ เขาไม่สนใจจะรับคำทักทายของผมเลย ยิ่งไปกว่านั้นเขายังพูดอะไรออกมาชนิดที่ผมคิดไม่ถึงอีกด้วย


คนที่เท่าไหร่ของแกล่ะจินยอง คนนี้น่ะ เขาถามเสียงเย็นๆ แต่คำที่พูดออกมามันเหมือนกับหมัดฮุคที่เปรี้ยงเข้าเต็มหน้าผมชัดๆ นั่นยังไม่เท่าไหร่เพราะจินยองยิ่งแย่กว่าผมร้อยเท่า ตอนนี้เขาหน้าซีดจนแทบไม่มีสีเลือดแล้ว


เขาเป็นเพื่อนผมครับ แจบอมเป็น...เพื่อน...ของ...ผม ครับพ่อ จินยองย้ำช้าๆและชัดๆ ตอนนี้ในแววตาของเขาไม่มีความอบอุ่นนุ่มนวลอีกต่อไป ผมรู้สึกขนลุกอย่างบอกไม่ถูกเวลาเห็นจินยองมองพ่อเลี้ยงเขาแบบนั้น ตลอดหลายปีที่ผมคบกับเขามา จินยองไม่เคยเล่าเรื่องในครอบครัวของเขาให้ฟังเลย ทุกเรื่องที่ผมได้ยินเกี่ยวกับตัวเขาก็มักจะมาจากเพื่อนนักศึกษาด้วยกัน แม้จินยองจะรู้ว่ามีหลายคนนินทาเขาลับหลัง แต่เขาก็ยังไม่ยอมบอกอะไรผมอยู่ดี ผมเองก็ไม่ได้อยากรู้มากไปกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้ ตราบใดที่จินยองยังเป็นเพื่อนที่ดีต่อผม ผมก็ไม่เห็นจะต้องกังวลอะไรเลย


จะเพื่อนหรืออะไรก็ตามเถอะ แต่ฉันบอกไว้ก่อนนะว่าเรื่องที่ผ่านมา ฉันไม่ได้ต้องการให้แกลืม เขาไม่ฟังเสียงของจินยองและสวนกลับไปอย่างห้วนๆเช่นเคย มือของเขายกขึ้นลูบแก้มบางนั้นเบาๆก่อนจะเลื่อนลงมาตบไหล่เขาอย่างมีความหมาย


เรื่องที่ฉันขอร้องแกนั่น หวังว่าคงจะทำให้ฉันได้นะ ถ้าไม่อยากให้ฉันมาเจอหน้าแกบ่อยๆล่ะก็ รีบๆทำให้ฉันซะที ถ้าฉันเหลืออด แกก็รู้ใช่ไหมว่ามันจะเป็นยังไง ผู้ชายคนนั้นทิ้งท้ายแล้วเดินออกไปจากร้านแถมยังเดินชนผมเต็มแรงราวกับว่าผมไม่มีตัวตนอยู่ในสายตาเขาเลย......
 


ไอ้ทุเรศ......



ผมหันกลับไปมองหน้าของจินยองอีกครั้ง ทั้งที่หิมะกำลังตกอยู่แท้ๆ จินยองไม่เคยทำหน้าเศร้าแบบนี้สักครั้งเวลาที่เห็นหิมะตก ต่อให้เสียใจแค่ไหน เวลาที่เห็นหิมะ เขาก็ยังยิ้มให้มันได้อยู่ดี


นั่นทำให้ผมรู้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้คงไม่ใช่เรื่องเล็กๆแน่ และคราวนี้ผมก็คงปล่อยให้มันผ่านไปไม่ได้ถ้าไม่ถามเขาให้กระจ่าง


เขากำลังต้องการเงิน จินยองชิงบอกก่อนที่ผมจะถามเขา......จินยองก็ยังเป็นจินยอง เขารู้ใจผมเสมอ แม้ว่าจะอยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เขาก็ไม่แสดงท่าทีลำบากใจออกมาให้ผมเห็นเลยสักนิดเดียว


พ่อต้องการเงิน เลยบอกให้ฉันขายร้านนี้แล้วกลับไปอยู่กับเขา น้ำเสียงนั้นหม่นลงเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อ แต่ฉันทำแบบนั้นไม่ได้หรอกแจบอม นายก็รู้ว่าฉันผูกพันกับที่นี่มากแค่ไหน ฉันเก็บเงินอยู่หลายปีกว่าจะมีร้านนี้ได้ เพราะงั้น ฉันขายมันไม่ได้หรอก


เรื่องแค่นี้เอง ยืมฉันก็ได้ ผมหลุดหัวเราะออกมาเพราะนึกว่าจะเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย แต่เมื่อเป็นแค่เรื่องเงินก็นับว่าไม่มีปัญหาสำหรับผมเลย


อย่าเลย เขาปราม อย่าให้พ่อรู้ว่านายเป็นประธานบริษัทใหญ่โต อย่าให้พ่อรู้ว่านายมีเงิน.....ถ้าเขารู้ เขาจะไม่เลิกเกาะติดนายแน่ๆ คนอย่างเขาไม่เคยพอหรอก จินยองพูดแล้วนิ่งไปครู่หนึ่ง เขาไม่เคยพอ....ในอะไรเลย


มีเรื่องอะไรรึเปล่าจินยอง ผมมองหน้าเขา บอกฉันได้นะ นายก็รู้ว่าฉันช่วยนายได้ทุกอย่าง


บางเรื่องก็ไม่ได้หรอก อย่าลำบากเลย เขายิ้ม ไปกินข้าวกันดีกว่า ว่าแล้วเขาก็คว้าข้อมือของผมก่อนจะลากออกมา ทันทีที่เดินออกมาจากร้าน จินยองก็เงยหน้าขึ้นมองหิมะที่โปรยปรายลงมาอย่างมีความสุข ก่อนจะหลับตาแล้วพูดกับผมเบาๆ


สิ่งสำคัญในชีวิตฉันมีอยู่สามอย่าง นายรู้ไหมว่ามีอะไรบ้าง


หิมะแน่นอน นั่นน่ะอย่างแรกเลย ผมหัวเราะเสียงดัง อย่างที่สองก็น่าจะเป็นร้านดอกไม้ของนาย แต่อย่างที่สามเนี่ย ฉันไม่รู้หรอก ถ้าให้เดาละก็ฉันจะตอบว่าอย่างที่สามก็คือตัวฉันเอง


นายทายผิดไปนิดนึงนะ เขาหันมามองหน้าผม แววตาที่อบอุ่นนั่นทำให้ผมนึกถึงวันแรกที่เจอเขา พัคจินยองเป็นผู้ชายที่น่าสงสาร แต่เพราะความแข็งแกร่งในความอ่อนโยนนี่เองที่ทำให้ผมไม่ลังเลใจเลยที่จะคบเขาเป็นเพื่อน


อย่างแรกที่สำคัญสำหรับฉันไม่ใช่หิมะ เขาพูดยิ้มๆ


.


.


.


แต่เป็นนาย


-------------------------------------------------------------------------



หลังจากวันนั้นผมก็ไม่ได้สนใจอะไรอีก จินยองยังคงเปิดร้านดอกไม้ของเขาตามปกติโดยที่ไม่มีเงาของไอ้ผู้ชายนั่นมาตามรังควาน เท่าที่ผมเห็นในตอนนี้เขาดูมีความสุขมากกว่าเดิมด้วยซ้ำไป แต่ก็มีบางครั้งเหมือนกันที่จินยองนั่งอยู่บนเก้าอี้ท่ามกลางหิมะและทอดสายตามองออกไปโดยไม่มีจุดหมาย เขาอาจจะคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยเหมือนเดิม ผมก็เลยไม่ค่อยได้สนใจท่าทางนั้นเท่าไหร่นัก......


จนกระทั่งวันนี้.....


ฉันพักเที่ยงแล้ว จินยอง ผมกรอกเสียงลงไปในโทรศัพท์มือถือ คำพูดที่ผมพูดเป็นประจำทุกเที่ยงวันก็ยังคงเป็นแบบเดิมๆ การกินข้าวกับจินยองเป็นเรื่องปกติเพราะร้านดอกไม้ของเขาก็ไม่ไกลจากบริษัทผมเท่าไหร่ และอีกอย่างที่ปฏิเสธไม่ได้ก็คือ ผมมีความสุขจริงๆนะเวลาที่อยู่กับเขา


มีเสียงแปลกๆมาจากปลายสาย บางทีจินยองอาจจะไม่ได้อยู่คนเดียว คงจะมีลูกค้าเข้าร้านช่วงก่อนเที่ยงแต่ก็ไม่เป็นไรเพราะผมก็ไปนั่งรอเขาบ่อยๆอยู่แล้ว จินยองมีความสุขที่ได้ต้อนรับลูกค้า (โดยเฉพาะในวันที่หิมะตก) และผมก็มีความสุขที่ได้นั่งมองเขาต้อนรับลูกค้าอีกที


วันนี้คงไม่สะดวกแล้วล่ะแจบอม พอดีฉันติดธุระนิดหน่อย จินยองตอบกลับมา เว้นวันนึงก็แล้วกันนะ ฉันต้องจัดการธุระให้เสร็จก่อน เขาพูดแค่นี้แล้วก็วางหูไป นั่นมันผิดวิสัยของจินยองเอามากๆ เพราะไม่ว่าจะยุ่งยังไงเขาก็รู้ว่าผมรอเขาได้ ไม่มีวันไหนเลยที่จินยองจะไม่กินข้าวกลางวันกับผม ถึงจะเลทแค่ไหนหรือบ่ายกี่โมง ยังไงเราก็ต้องไปกินข้าวกลางวันด้วยกันอยู่ดี


ที่แปลกไปกว่านั้นก็คือเสียงของเขาที่ตอบกลับมา มันแปลกมากจนผมไม่คิดว่านั่นคือจินยองที่ผมเคยรู้จัก ชั่วขณะหนึ่งที่ผมรู้สึกได้ถึงความเยียบเย็นจากเสียงของเขา แต่นั่นก็เป็นช่วงเวลาแค่เสี้ยววินาทีจริงๆ เพราะหลังจากนั้นถัดมา เสียงของจินยองก็กลับมาอ่อนโยนเหมือนเดิม


อะไรบางอย่างบอกผมว่าไม่ใช่เรื่องปกติ เขาต้องมีเรื่องที่ไม่อยากบอกผมแน่ๆ คนอย่างจินยอง ต่อให้เค้นคอถามจนตายยังไง ถ้าไม่อยากบอก เขาก็จะไม่มีวันบอก เพราะฉะนั้นผมจึงตัดสินใจไปหาเขาด้วยตัวเอง อาจมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับจินยองก็ได้


หลายวันที่ผ่านมาผมสังเกตเห็นจินยองเหม่อลอยมากกว่าปกติ แต่ผมก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนักเพราะหลังจากเหม่อลอยแล้วเขาก็มักจะยิ้มด้วยรอยยิ้มที่มีความสุขเสมอ เหมือนกับเรื่องที่เขาคิดอยู่นั้นเป็นเรื่องอะไรสักอย่างที่ดีมากๆ ผมชอบจินยองที่มีความสุข ผมชอบเขาที่เป็นแบบนั้น เพราะงั้นผมเลยไม่ติดใจสงสัยอะไรอีกจนกระทั่งได้ยินเสียงของเขาในวันนี้


.


.


.


จินยอง จินยอง ฉันมาหา ผมตะโกนเสียงดังก่อนจะเดินเข้าไปในร้านอย่างถือวิสาสะ เพราะลุยหิมะมาจึงทำให้รองเท้าของผมเปียกไปด้วยน้ำ วันที่หิมะตกแรงขนาดนี้ไม่น่าจะมีลูกค้านี่นา แล้วมันเพราะอะไรกันถึงทำให้จินยองไม่ยอมมากินข้าวกับผม ที่สำคัญยังทำเสียงแปลกๆแบบนั้นด้วย


จินยอง ผมตะโกนอีกครั้ง ชักจะเริ่มไม่สบายใจแล้ว ร้านของเขาเงียบมากและไม่มีใครอยู่เลย แล้วจินยองหายไปไหน เขาไปอยู่ที่ไหน?


เสียงที่ดังอยู่ข้างหลังร้านปลุกผมให้ตื่นจากภวังค์ เสียงนั่นให้ตายยังไงผมก็ไม่มีวันลืมได้ มันเป็นเสียงอันน่าขยะแขยงของไอ้เวรนั่น....เขามาอีกแล้ว นี่ใช่ไหมธุระที่จินยองพูดถึง เพราะพ่อเลี้ยงของเขามาวุ่นวายที่ร้านอีก จินยองจึงไม่อยากให้ผมเข้ามายุ่งด้วย


ผมขยับจะเดินไปตามเสียงนั้น แต่ประโยคต่อมากลับทำให้ผมตองหยุดชะงักด้วยความตกใจและคาดไม่ถึง


เลิกยุ่งกับฉันซะที ฉันเกลียดแก อย่ามาทำให้ชีวิตของฉันย่ำแย่ไปกว่านี้ ออกไปจากชีวิตฉัน แกมันไอ้ชั่ว สารเลว... ออกไปเดี๋ยวนี้นะ!!!!!”


มันไม่ใช่ประโยคที่แปลกถ้าเราจะด่าใครสักคน แต่ในกรณีนี้มันแปลกมาก แปลกจนทำให้ผมพูดอะไรไม่ออก เพราะเจ้าของเสียงที่ผมได้ยินเต็มสองหู.....ก็คือจินยอง.....


หากแต่ประโยคต่อมากลับทำให้ผมช็อคกว่า หลังจากจินยองตะโกนใส่เขาไปแบบนั้นแล้ว ไอ้พ่อเลี้ยงบ้านั่นก็สวนกลับมาด้วยความจริงที่ผมไม่เคยรู้มาก่อน


แกจะทำอะไรฉันได้ จินยอง.....คิดเหรอว่าแค่เปลี่ยนชื่อแล้วย้ายไปอยู่ที่อื่นมันจะทำให้แกพ้นจากฉันไปได้ ลองอวดเก่งกับฉันดูสิ ทีนี้คนทั้งโลกจะได้รู้แน่ๆว่าแกถูกฉันกระทำยังไงบ้าง จะเอาแบบนั้นใช่มั้ย


เพียงประโยคนี้ประโยคเดียวทำให้ผมหายใจแทบไม่ออก เหตุผลที่จินยองไม่เคยพูดถึงครอบครัวของเขาเลยเป็นเพราะแบบนี้นี่เอง เหตุผลที่เขาเหม่อลอยในบางครั้งและดูเหมือนจะจมอยู่ในความทุกข์ที่ผมไม่เคยดูออก มันเป็นเพราะแบบนี้นี่เอง......


ไอ้ชั่ว ไอ้เลว ฉันไม่ทนแกอีกต่อไปแล้ว น้ำเสียงที่เกรี้ยวกราดของจินยองเรียกสติผมกลับคืนมา ผมรีบวิ่งไปหลังร้านทันทีก่อนที่จะเกิดอะไรร้ายแรงขึ้น




แต่ก็ช้าไปแล้ว.....



เมื่อผมเปิดประตูหลังร้านออกไป ภาพที่เห็นคือร่างอันบอบบางของจินยองที่ยืนอยู่ท่ามกลางหิมะ ในมือของเขาถือกรรไกรตัดดอกไม้ เพียงแต่คราวนี้มันไม่ได้ใช้กับดอกไม้ และมันก็อาบไปด้วยเลือด....


จินยอง นายทำอะไรลงไป นายทำอะไรลงไป ผมพูดเสียงสั่นก่อนจะคว้ากรรไกรมาจากมือเขาอย่างรวดเร็ว สายตาของจินยองยังคงจับจ้องไปยังคนที่นอนอยู่กับพื้น เป็นสายตาที่เต็มไปด้วยความโกรธและน่ากลัวอย่างที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน


ฉันเกลียดมัน แจบอม ฉันเกลียดมัน เขาพูดออกมาเหมือนบังคับตัวเองไม่ได้ มันทำลายชีวิตฉัน เพราะมันถึงทำให้ฉันกลายเป็นแบบนี้ ฉันเสียทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตไปมากพอแล้ว มันยังจะตามมาเอาจากฉันไปอีก ฉันทนไม่ไหวแล้ว ฉันไม่ทนแล้ว แม้จะพูดออกมาเพราะควบคุมตัวเองไม่ได้ แต่เสียงของเขาก็ยังคงสงบนิ่ง จินยองกลับมาเป็นจินยองคนเดิม.....ทั้งที่ในความเป็นจริง เขาไม่ใช่คนเดิมอีกแล้ว


ไอ้ผู้ชายบ้านั่นนอนร้องครวญครางด้วยความเจ็บอยู่ที่พื้น  แผลที่อกของเขามีเลือดทะลักออกมาไม่หยุด ถึงอย่างงั้นก็เถอะ การแทงแค่ครั้งเดียว แม้จะใช้แรงมาก แต่ถ้าไม่ถูกเป้าหมาย มันก็ไม่มีประโยชน์.......


ช่วยฉันด้วย....ช่วย...ฉัน...ที เจ้านั่นวิงวอนขอความช่วยเหลือจากผม ผมเงยหน้าขึ้นมามองจินยองเขายังคงจ้องพ่อเลี้ยงอยู่โดยไม่ละสายตาไปไหน แม้จะไม่มีคำพูดอะไรออกมาจากปากของเขาอีก แต่ผมก็รู้ว่าจินยองจะไม่หยุดแค่นี้ เขาจะไม่มีวันหยุดถ้าคนตรงหน้าเขายังไม่สิ้นลมหายใจ.....



.



.



.



ผมไม่เคยรู้เลยว่าหิมะไม่บริสุทธิ์ แม้ภายในสีขาวนั้นก็ใช่ว่าจะบริสุทธิ์อย่างที่เราเห็น


เลือดสีแดงไหลออกมาจากร่างที่นอนอยู่กับพื้น มันค่อยๆไหลลงมาปนกับหิมะทีละน้อยจนบริเวณนั้นเต็มไปด้วยสีแดง แม้จะเกิดเรื่องร้ายแรงขึ้น แต่จินยองก็ดูสงบนิ่ง เขาสงบมากเกินกว่าที่ผมจะหยั่งลึกได้ นี่คงเป็นครั้งแรกที่ผมเดาไม่ถูกจริงๆว่าเขาคิดจะทำอะไรต่อไป ถึงแม้ว่าผมจะไม่รู้ว่าเขาคิดอะไร แต่ผมก็รู้ว่า ผมจะไม่ปล่อยให้สีแดงที่น่าสยดสยองนั้นมาแปดเปื้อนเขาอีก


นานเท่านานที่ผมกับจินยองยืนอยู่เงียบๆแบบนั้น เวลาทั้งหมดเหมือนจะหยุดนิ่งและเป็นใจให้ผมทำในสิ่งที่ต้องการ ผมแค่อยากปกป้องเขา ผมแค่อยากให้เขาเป็นหิมะสีขาวเหมือนเดิมต่อไป ผมไม่อยากให้เขาเปรอะเปื้อนอะไรทั้งนั้น เพราะจินยองอ่อนโยนและนุ่มนวลเหมือนกับหิมะ ตรงกันข้ามกับผม อิมแจบอมที่ไม่เหมาะกับคำว่าหิมะเลยแม้แต่นิดเดียว.....


ผมตัดสินใจใช้กรรไกรในมือปักลงที่อกไอ้บ้านั่นอย่างแรง ก่อนจะกดลงไปอีกทีเพื่อให้แน่ใจว่าร่างที่นอนอยู่นั้นจะไม่มีวันฟื้นขึ้นมาได้อีก ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ความทรงจำอันน่ารังเกียจนั้นจะไม่มีวันมาหลอกหลอนเพื่อนของผมอีก ต่อไปนี้จินยองจะต้องมีความสุข เขาจะต้องมีความสุข เขาจะไม่ต้องอยู่อย่างหวาดกลัวอีกต่อไป นี่คงเป็นอย่างเดียวที่ผมจะทำให้เขาได้ ผมจะทำให้เขาและผมก็เต็มใจจะทำ


ฉันจัดการทุกอย่างให้เอง ผมค่อยๆพยุงจินยองมานั่งเก้าอี้ในร้าน ใบหน้าของเขาสงบก็จริง แต่มันซีดมากซะจนผมกลัว กลัวว่าเขาจะแตกสลายลงไปตรงหน้าของผม


สิ่งเดียวที่นายชอบก็คือหิมะ ฉันไม่อยากทำให้นายเกลียดหิมะเพราะเรื่องนี้....จินยอง.....จำเอาไว้ว่านายยังคงบริสุทธิ์ นายยังคงอ่อนโยนเหมือนกับหิมะสีขาวนี่ ทุกๆอย่างที่เกิดขึ้น ฉันเป็นคนทำเอง.....คนอย่างแจบอมไม่คู่ควรกับหิมะสีขาวอยู่แล้ว เรื่องทั้งหมดนี้นายไม่เกี่ยวอะไรด้วยเลย อย่าคิดมากนะ นายไม่ได้ทำอะไร นายไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น ผมกระซิบที่หูเขาเบาๆเพื่อย้ำให้จินยองมั่นใจมากขึ้น เขาทอดสายตาออกไปมองหิมะที่อยู่หน้าร้านแล้วหันกลับมามองผมอีกครั้ง แววตานั้นเต็มไปด้วยความอ่อนโยนเหมือนอย่างเคย เขายิ้มละไมก่อนจะบอกกับผมว่า


หิมะสีขาวสวยจังนะจินยองว่าก่อนจะหลับตาลง ฉันชอบหิมะมากเลยล่ะแจบอม มันบริสุทธิ์แล้วก็นุ่มนวลมาก หิมะเป็นสิ่งที่บริสุทธิ์ที่สุดในโลกเลยนะ


ใช่ มันบริสุทธิ์ ผมบอก เหมือนกับนายไง จินยองที่แสนจะอ่อนโยนนุ่มนวล นายเป็นเหมือนหิมะนะ นายเป็นหิมะที่สวยงาม ผมกระซิบที่หูเขาอีกครั้งพร้อมกับมองคนในอ้อมแขนที่หลับตาลงอย่างเป็นสุข......


.


.


.


สีขาวของหิมะเป็นสีที่บริสุทธิ์....ผมมองมันแบบนั้นเสมอมา แต่ผมไม่เคยรู้เลยว่าจริงๆแล้วหิมะนั้น ถึงมันจะมีสีขาว ก็ไม่ได้แปลว่ามันบริสุทธิ์.....






The End



------------------------------------------------------------------------------



จริงๆแล้วเรื่องนี้เราแต่งเอาไว้นานมาก เคยเอามาประยุกต์กับหลายคู่หลายวง (แต่เป็นวงที่ชอบนะคะ) ดังนั้นถ้าใครคุ้นๆอย่าสงสัย ไม่ได้ก็อปใครมาแน่นอน 5555 แรงบันดาลใจของเรื่องนี้ได้มาจากสคริปต์หนังสั้นของรุ่นพี่คนหนึ่งตอนเรียนมหาลัย (แต่เนื้อเรื่องไม่เหมือนเลย เป็นแรงบันดาลใจเฉยๆ) ตั้งใจว่าถ้าเป็น One-Shot หรือ Short Fic ของกัซ อาจจะเอามาลงในนี้ ยังไงก็ฝากไว้ด้วยนะคะ เม้ามอยหรือพูดคุยในแท็ก #ficsetto ได้ค่ะ^^ ฝากด้วยน้า~~~~~~




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น